เจาะลึก รูเล็ต พร้อมวิธีเล่นให้ได้เงินที่ไม่มีใครพูดถึง
ถ้าพูดถึง รูเล็ต เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักเกมนี้กันอย่างแน่นอน เพราะมันคือหนึ่งในเกมพนันยอดฮิตติดอันดับที่คาสิโนออนไลน์ทุกที่ต้องมี แต่ถ้าถามว่ารูเล็ตเล่นยังไงถึงจะได้เงิน อันนี้คงมีไม่กี่คนที่รู้วิธี เนื่องจากมันเป็นเกมที่มีรูปแบบการวางเดิมพันเยอะจนบางคนหมดตัวไปง่ายเพียงแค่ไม่เข้าใจวิธีเล่นที่ถูกต้อง ซึ่งในวันนี้เราจะมาเจาะลึกรูเล็ตกันแบบทุกซอกทุกมุมกันอีกเช่นเคยครับ เพื่อจะหาคำตอบและวิธีเล่นให้ได้เงินที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน
รูเล็ต ความผิดพลาดที่โลกไม่อาจลืม
รูเล็ต (Roulette) มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “วงล้อเล็ก ๆ” ซึ่งตัวเกมนี้เรียกได้ว่าเป็นผลงานแห่งความผิดพลาดของของ แบลซ ปัสกาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ นักฟิกส์ และนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส โดยในปี 1655 เจ้าตัวต้องการสร้างเครื่องจักรนิรันดร์ (Perpetual motion machine) ขึ้นมาเพื่อหวังว่ามันจะสร้างพลังงานออกมาได้มากกว่าพลังงานที่รับเข้าไป ทว่ามันกลับไปขัดหลักฟิสิกส์อย่างรุนแรง ทำให้เอามาใช้งานจริงไม่ได้
ทว่าในปี 1720 ได้มีการนำกลไกลการทำงานนี้มาพัฒนาต่อยอดเข้ากับเกมจับสลากตัวเลของบิริบี (Biribi) และกลายเป็นวงล้อรูเล็ตที่ใช้กันในปัจจุบัน โดยเจ้าเกมวงล้อนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในคาสิโนที่ปารีสราว ๆ ปี 1790 ก่อนจะได้รับความนิยมไปทั่วยุโรลและสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19 ทำให้รูเล็ตกลายเป็นเกมพนันที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเพียงแค่ผลงานความผิดพลาดของปัสกาลทำให้เกิดเกมพนันที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว
รูเล็ต เล่นง่าย แค่เข้าใจในวงล้อ
หากจะถามถึงวิธีเล่นรูเล็ตแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าแม้แต่มือใหม่ก็ยังไม่จำเป็นต้องไปศึกษาคู่มือหรืออะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่รู้กฎเบื้องต้น และรายละเอียดต่างของเกม โดยเฉพาะวงล้อรูเล็ต เพียงเท่านี้ก็สามารถเล่นเป็นเห็นกำไรกันแล้ว สำหรับวงล้อรูเล็ตที่ใช้กันในคาสิโนออนไลน์จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ
วงล้อรูเล็ตแบบยุโรป
เป็นวงล้อแบบดั้งเดิมสไตล์ฝรั่งเศสที่ประกอบไปด้วยช่องทั้งหมด 37 ช่อง ตัวเลข 0 อยู่ในช่องสีเขียว ส่วนเลข 1-36 จะอยู่ในช่องสีแดงและดำสลับกันไป คาสิโนออนไลน์บางแห่งจะเรียกโต๊ะแบบนี้ว่า Single Zero Roulette เพราะว่ามีช่องเลข 0 เพียงแค่ตัวเดียว
วงล้อรูเล็ตแบบอเมริกัน
เป็นวงล้อแบบใหม่ มีความแตกต่างจากแบบยุโรปตรงที่จะมีช่องเลข 0 กับ 00 อยู่ในช่องสีเขียว ส่วนเลข 1-36 ยังคงอยู่ในช่องสีแดงและดำสลับกันตามเดิม โต๊ะแบบนี้จะถูกเรียกว่า Double Zero Roulette แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันแต่เรื่องกฎยังคงเหมือนกับการเล่นแบบยุโรป คือถ้าลูกบอลตกลงไปในช่องเลข 0 หรือ 00 คาสิโนก็จะเป็นฝ่ายชนะ
กฎพิเศษรูเล็ต ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
เนื่องจากการเล่นในคาสิโนออนไลน์ ผู้เล่นมีหน้าที่เพียงแค่วางชิปเดิมพันแล้วรอลุ้นรางวัล จึงไม่ค่อยมีใครสนใจในกฎพิเศษที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะมากขึ้น กฎที่ว่านี้มีอยู่ 3 กฎ ได้แก่
กฎ La Partage
กฎนี้นิยมมใช้กันในแถบยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส ซึ่งดีลเลอร์จะทำการแบ่งช่องหมายเลขออกเป็น 2 กลุ่ม เช่น สีดำ/สีแดง, เลขคู่/เลขคี่ หากสมมติว่าผู้เล่นวางเดิมพันลงในช่องสีแดง และลูกบอลก็ตกลงไปในช่องสีแดงด้วย ก็จะถือว่าชนะแม้ว่าจะทายคนละหมายเลขกับที่ลูกบอลตก แต่ถ้าลูกบอลไปตกในช่องเลข 0 ผู้เล่นก็จะเสียเดิมพันแค่ครึ่งเดียว และได้รับส่วนที่เหลือคืนกลับมา
กฎ En Prison
หรือที่เรียกกันว่ากฎขังคุก นิยมใช้เล่นกันในแทบยุโรปเช่นกัน โดยเงื่อนไขสำคัญคือหากลูกบอลตกไปที่ช่องหมายเลข 0 ผู้เล่นจะไม่ได้รับเงินเดิมพันกลับมาเพื่อวางใหม่ และจะเริ่มเล่นรอบต่อไปทันทีโดยยึดเดิมพันเดิมที่วางไว้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้เล่นวางเดิมพันเลขคู่ แต่ลูกบอลตกช่อง 0 เดิมพันก็จะถูกขังคุกเอาไว้ พอเริ่มรอบใหม่หากลูกบอลตกช่องเลขคู่ก็จะถือว่าชนะ หากตกเลขคี่ก็ถือว่าแพ้และเสียเดิมพันไป
กฎ Surrender
หรือกฎยอมแพ้ นิยมใช้กันในโต๊ะรูเล็ตแบบอเมริกัน รูปแบบเงื่อนไขจะใช้กฎเดียวกับ La Partage ต่างกันแค่ Surrender มีช่องหมายเลข 0 และ 00 หากตกในสองช่องนี้ก็เสียเดิมพันครึ่งหนึ่งเช่นกัน
รูปแบบการวางเดิมพันและอัตราต่อรองของรูเล็ต
การเล่นรูเล็ตเราสามารถเลือกได้ว่าจะทายกี่ตัวเลขพร้อมกันก็ได้ และยังสามารถวางเงินเดิมพันได้หลายรูปแบบ ในแต่ละแบบก็จะส่งผลต่อโอกาสแพ้ชนะและอัตราต่อรองด้วยเช่นกัน สำหรับการวางเดิมพันในเกมรูเล็ตนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบใหญ่ ๆ ดังนี้
Inside Bets
เป็นการวางเดิมพันแบบรูเล็ตวงใน คือเราสามารถวางชิปลงบนตัวเลขในตารางได้เลย ซึ่งจะมีวิธีการวางอยู่ด้วยกัน 8 วิธี คือ
- Straight เป็นการแทงเต็งเลข อัตราต่อรอง 36 : 1
- Split เป็นการแทงค่อมเลข 2 ตัว อัตราต่อรอง 18 : 1
- Street เป็นการแทงค่อมเลข 3 ตัว อัตราต่อรอง 12 : 1
- Six Line เป็นการแทงค่อมเลข 6 ตัว อัตราต่อรอง 6 : 1
- Corner เป็นการแทงค่อมเลข 4 ตัว อัตราต่อรอง 9 : 1
- Trio เป็นการแทงค่อมเลข 3 ตัว อัตราต่อรอง 12 : 1
- Basket เป็นการแทงค่อมเลข 4 ตัว อัตราต่อรอง 9 : 1
- Top Line เป็นการแทงค่อมเลข 5 ตัว อัตราต่อรอง 7 : 1
Outside Bets
เป็นการวางเดิมพันแบบรูเล็ตวงนอก คือเราไม่สามารถวางชิปลงบนตัวเลขในตารางได้เลย แต่จะต้องวางตามช่องที่อยู่รอบ ๆ นอกตารางแทน อัตราต่อรองอยู่ที่ 1 : 1 ซึ่งจะมีวิธีการวางอยู่ด้วยกัน 3 วิธี คือ
- แทงสีแดงหรือสีดำ
- แทงเลขต่ำ (1-18) หรือเลขสูง (19-36)
- แทงเลขคู่หรือเลขคี่
แม้ว่าการวางเดิมพันในรูปแบบนี้จะทำกำไรได้น้อย แต่ด้วยโอกาสได้เสีย 50/50 ก็ทำให้นักเดิมพันนิยมใช้ร่วมกับสูตรเดินเงินต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรด้วย
Announced Bets
รูปแบบการวางเดิมพันพิเศษที่ผู้เล่นสามารถบอกดีลเลอร์ได้ว่าจะเลือกวางชิปแบบใด ในตำแหน่งไหนดังรูป ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่า Inside และ Outside เลยทำให้คาสิโนออนไลน์ไม่นิยมนำมาใช้กัน มีเพียงนักเดิมพันเท่านั้นที่เอามาออกแบบวิธีเล่นให้กับตัวเอง
แทงรูเล็ตแบบไหนมีโอกาสชนะมากกว่ากัน
อย่างที่ทราบกันดีว่ารูเล็ตเป็นเกมที่มีรูปแบบการวางเดิมพันเยอะมาก และแต่ละแบบก็มีอัตราต่อรองอ๊อดและความน่าจะเป็นที่จะมีโอกาสชนะแตกต่างกันไป ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
การแทงรูเล็ตแบบ Inside Bets ไม่ว่าจะเป็นแบบยุโรปหรือแบบอเมริกัน แม้จะมีความเสี่ยงสูงแต่โอกาสชนะจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนหมายเลขที่เราแทงค่อมไว้ ยกตัวอย่างเช่น แทงเต็งเลขโอกาสชนะ 1/37 แทงค่อมเลข 2 ตัว ก็จะเพิ่มเป็น 2/37 เป็นต้น สำหรับสัดส่วนเงินที่เราจะได้รับคืน หากเป็นแบบยุโรปจะอยู่ที่ 97.3% ทุกรูปแบบการวางเดิมพัน แต่ถ้าเป็นแบบอเมริกาจะได้น้อยกว่าคือ 94.74% และต่ำสุดคือ 92.1% สำหรับการแทงแบบค่อมเลข 5 ตัว ที่มีอัตราจ่าย 7 : 1
การแทงรูเล็ตแบบ Outside Bets ถือได้ว่าเป็นรูปแบบการแทงรูเล็ตที่มีความเสี่ยงต่ำทั้งในแบบยุโรปและอเมริกัน โดยการแทงแบบวงนอกผู้เล่นจะมีโอกาสชนะกันมากถึงครึ่งต่อครึ่ง นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนเงินที่จะได้รับคืนมากถึง 97.3% ในแบบยุโรป และ 94.74% ในแบบอเมริกาอีกด้วย
8 สูตรรูเล็ตยอดนิยม
รูเล็ตถือได้ว่าเป็นอีกเกมหนึ่งที่นักเดิมพันพยายามพัฒนาสูตรต่าง ๆ ออกมาเพื่อเอาชนะคาสิโนออนไลน์ ซึ่งก็มีได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่า 8 สูตรต่อไปนี้คือสูตรรูเล็ตที่ได้รับการยอมรับและมีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่
Neighbours of Zero (โอกาสชนะ 45.94%)
สูตรนี้จะเล่นกันทั้งหมด 17 หมายเลข 7 ตำแหน่ง ดังนี้
- วางชิปแบบ Trio ที่ตำแหน่งเลข 0, 2 และ 3 จำนวน 20 บาท
- วางชิปแบบ Split ที่ตำแหน่งเลข 4 และ 7, 12 และ 15, 18 และ 21, 19 และ 22, 32 และ 35 ตำแหน่งละ 10 บาท ทั้งหมด 5 ตำแหน่ง
- วางชิปแบบ Corner ที่ตำแหน่งเลข 25, 26, 28 และ 29 จำนวน 20 บาท
จากสูตรนี้เราจะใช้ทุนไปทั้งหมด Trio 20 บาท, Split 50 บาท และ Corner 20 บาท รวม 90 บาท
โอกาสที่จะได้กำไร-ขาดทุน มีดังนี้
- ถ้าออกหมายเลข 0, 2 หรือ 3 จะได้กำไร 150 บาท
- ถ้าออกหมายเลข 25, 26, 28 หรือ 29 จะได้กำไร 90 บาท
- ถ้าออกหมายเลขที่เหลือ จะได้กำไร 90 บาท
- ถ้าไม่ออกเลขไหนเลย จะขาดทุนทั้งหมด 90 บาท
Zero Game (โอกาสชนะ 18.91%)
สูตรนี้จะเล่นกันทั้งหมด 7 หมายเลข 4 ตำแหน่ง ดังนี้
- วางชิปแบบ Straight Up ที่ตำแหน่งเลข 26 จำนวน 20 บาท
- วางชิปแบบ Split ที่ตำแหน่งเลข 0 และ 3, 12 และ 15, 32 และ 35 ตำแหน่งละ 10 บาท ทั้งหมด 3 ตำแหน่ง
จากสูตรนี้เราจะใช้ทุนไปทั้งหมด Straight Up 10 บาท, Split 30 บาท รวม 40 บาท
โอกาสที่จะได้กำไร-ขาดทุน มีดังนี้
- ถ้าออกหมายเลข 26 จะได้กำไร 320 บาท
- ถ้าออกหมายเลขที่เหลือ จะได้กำไร 140 บาท
- ถ้าไม่ออกเลขไหนเลย จะขาดทุนทั้งหมด 40 บาท
Third of the wheel (โอกาสชนะ 32.43%)
สูตรนี้จะเล่นกันทั้งหมด 12 หมายเลข 6 ตำแหน่ง ดังนี้
- วางชิปแบบ Split ที่ตำแหน่งเลข 5 และ 8, 10 และ 11, 13 และ 16, 23 และ 24, 27 และ 30, 33 และ 36 ตำแหน่งละ 10 บาท ทั้งหมด 6 ตำแหน่ง
จากสูตรนี้เราจะใช้ทุนไปทั้งหมด Split 60 บาท
โอกาสที่จะได้กำไร-ขาดทุน มีดังนี้
- ถ้าออกหมายเลขตามที่แทงไว้ จะได้กำไร 120 บาท
- ถ้าไม่ออกเลขไหนเลย จะขาดทุนทั้งหมด 60 บาท
Orphans (โอกาสชนะ 21.62%)
สูตรนี้จะเล่นกันทั้งหมด 8 หมายเลข 5 ตำแหน่ง ดังนี้
- วางชิปแบบ Straight Up ที่ตำแหน่งเลข 1 จำนวน 10 บาท
- วางชิปแบบ Split ที่ตำแหน่งเลข 6 และ 9, 14 และ 17, 17 และ 20, 31 และ 34 ตำแหน่งละ 10 บาท ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง
จากสูตรนี้เราจะใช้ทุนไปทั้งหมด Straight Up 10 บาท, Split 40 บาท รวม 50 บาท
โอกาสที่จะได้กำไร-ขาดทุน มีดังนี้
- ถ้าออกหมายเลข 1 หรือหมายเลข 17 จะได้กำไร 310 บาท
- ถ้าออกหมายเลขที่เหลือ จะได้กำไร 130 บาท
- ถ้าไม่ออกเลขไหนเลย จะขาดทุนทั้งหมด 50 บาท
Neighbours (โอกาสชนะขึ้นอยู่กับจำนวนหมายเลขที่วางเดิมพัน)
สูตรนี้จะวางเดิมพันในหมายเลขใดก็ได้ ไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่จะต้องวาง เพราะเป็นการแทงเลขเดี่ยวแบบอิสระอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการเล่นด้วยสูตรรูเล็ต Neighbours ควรจะวางเดิมพันไม่ต่ำกว่า 5 บาทในแต่ละตำแหน่ง เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ก็ไม่ควรลงเกิน 26 หมายเลข เพราะคาสิโนออนไลน์ส่วนใหญ่จะไม่นับเทิร์นโอเวอร์ให้สำหรับการแทงรูปแบบนี้
Final Bets แบบ 4 หมายเลข (โอกาสชนะ 10.81%)
สูตรนี้จะเล่นโดยวางชิปแบบ Straight Up ที่ตำแหน่งเลข 0, 10, 20 และ 30 ตำแหน่งละ 10 บาท ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง จำนวน 10 บาท รวมแล้วใช้ทุนทั้งหมด 40 บาท หากออกหมายเลขใดก็ตามที่แทงไว้ก็จะได้กำไร 320 บาท ถ้าไม่ออกสักเลขก็เสียทุนทั้งหมด 40 บาท
Final Bets แบบ 3 หมายเลข (โอกาสชนะ 8.10%)
รูปแบบการเล่นจะเหมือนกับแบบ 4 หมายเลข แต่เปลี่ยนมาเป็น 3 หมายเลข คือ 7, 17 และ 27 โดยวางเดิมพันตำแหน่งละ 10 บาท หากออกเลขใดเลขหนึ่งก็จะได้กำไร 330 บาท ถ้าไม่ออกเลยก็ขาดทุน 30 บาท
Complete Bets (โอกาสชนะ 24.32%)
เป็นสูตรรูเล็ตที่มีความซับซ้อนมากที่สุด โดยจะต้องวางเงินกันแบบผสมผสาน หากดูผิวเผินอาจคิดว่ามั่ว แต่หัวใจสำคัญในการวางเดิมพันรูปแบบนี้คือใช้หมายเลข 17 เป็นศูนย์กลาง โดย
- วางชิปแบบ Straight Up ที่ตำแหน่งเลข 17 จำนวน 10 บาท
- วางชิปแบบ Split ที่ตำแหน่งเลข 17 และ 14, 17 และ 16, 17 และ 18, 17 และ 20 ตำแหน่งละ 20 บาท ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง
- วางชิปแบบ Tree บนแถว 16, 17, 18 จำนวน 30 บาท
- วางชิปแบบ Corner ที่ตำแหน่ง 13-14-16-17, 14-15-17-18, 16-17-19-20 และ 17-18-20-21 ตำแหน่งละ 40 บาท จำนวน 4 ตำแหน่ง
- วางชิปแบบ Six Line ที่ตำแหน่ง 13-14-15-16-17-18 และ 16-17-18-19-20-21 ตำแหน่งละ 60 บาท จำนวน 2 ตำแหน่ง
จากสูตรนี้เราจะใช้ทุนไปทั้งหมด Straight Up 10 บาท, Split 80 บาท, Tree 30 บาท, Corner 160 บาท และ Six Line 120 บาท รวม 400 บาท
โอกาสที่จะได้กำไร-ขาดทุน มีดังนี้
- ถ้าออกหมายเลข 17 จะได้กำไร 3,920 บาท
- ถ้าออกหมายเลข 16 หรือ 18 จะได้กำไร 1,760 บาท
- ถ้าออกหมายเลข 14 หรือ 20 จะได้กำไร 1,040 บาท
- ถ้าออกหมายเลข 13, 15, 19 หรือ 21 จะได้กำไร 320 บาท
- ถ้าไม่ออกเลขไหนเลย จะขาดทุนทั้งหมด 400 บาท